วันพฤหัสบดีที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2557

         

ทีเอ็มบีมีกำไรไตรมาส 1 จำนวน 1,602 ล้านบาท



         
         ทีเอ็มบี หรือ ธนาคารทหารไทย จากัด (มหาชน) ประกาศผลประกอบการงวดไตรมาสที่ 1 ปี 2557 ในวันนี้ โดยธนาคารและบริษัทย่อยมีผลกำไรจากการดำเนินงานหลักก่อนสำรองจำนวน 3,159 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,602 ล้านบาท ลดลง 12% จากไตรมาส 1 ของปีที่แล้ว ขณะที่สัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL Ratio) ลดลงเล็กน้อยจาก 3.87% เหลือ 3.85% และสัดส่วนสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ยังคงแข็งแกร่งที่ 138%
      ในไตรมาส 1 นี้ ธนาคารดำเนินงานด้วยความรอบคอบระมัดระวังในสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน โดยเฉพาะการขยายสินเชื่อเป็นไปด้วยความระมัดระวังมากขึ้น ทำให้สินเชื่อขยายตัวเพียงเล็กน้อยในไตรมาสนี้เพียง 1,200 ล้านบาทหรือ 0.3% จากสิ้นเดือนธันวาคม 2556 ในขณะที่ปริมาณเงินฝากยังคงเพิ่มขึ้นได้ดีประมาณ 29,000 ล้านบาทหรือ 5.5% โดยเป็นเงินฝากที่เพิ่มจากทั้งลูกค้าเงินฝากรายย่อยในผลิตภัณฑ์เงินฝากที่มีผลตอบแทนดี เช่น เงินฝากไม่ประจำ (No Fixed) และบัญชีเงินฝากใน ME การธนาคารรูปแบบใหม่ รวมทั้งเงินฝากเพื่อธุรกรรมทางการเงิน (Transactional Banking Account) ซึ่งธนาคารให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ จากการเติบโตของสินเชื่อที่น้อยและเมื่อประกอบการลดดอกเบี้ยในตลาด ทำให้ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ย (Net Interest Margin) ลดลงเป็น 2.87% จาก 2.95% จากไตรมาส 1 ปีที่แล้ว แต่รายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิ (Net Interest Income) ยังเพิ่มขึ้น 6%
         รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในไตรมาสนี้ลดลง 10% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปีที่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการลดลงของค่าธรรมเนียมจากการขายกองทุนเนื่องจากภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวยและการลดลงของค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับสินเชื่อเนื่องจากธนาคารชะลอการปล่อยสินเชื่อแก่ลูกค้าใหม่ ในขณะที่ค่าธรรมเนียมธุรกรรมต่างประเทศ (Trade Finance) ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย ส่งผลให้รายได้รวมจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียง 1% ขณะที่ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการปรับเพิ่มขึ้นตามปกติของค่าใช้จ่ายพนักงาน ค่าใช้จ่ายอาคารสาขา และค่าใช้จ่ายการตลาด ทำให้กำไรของธนาคารในไตรมาสนี้ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปีที่แล้ว
         นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบี กล่าวว่า “ในปี 2557 นี้ธนาคารให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างมีคุณภาพและความมั่นคงของธนาคารเป็นหลัก โดยยังคงมุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าเงินฝากธุรกรรมทางการเงินอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามธนาคารได้ปรับเป้าหมายของการขยายสินเชื่อลงเหลือประมาณ 6-8% และพยายามรักษาคุณภาพสินทรัพย์ให้อยู่ในระดับดี โดยในไตรมาสนี้ แม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจถูกรุมเร้าด้วยปัจจัยลบต่างๆ แต่สัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL Ratio) ของธนาคารและบริษัทย่อยคงที่ในระดับ 3.85% นอกจากนี้ธนาคารยังได้คงสัดส่วนสำรองฯต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ในระดับสูงที่ 138%
         ธนาคารยังคงดำรงสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีระดับความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR) ภายใต้เกณฑ์ Basel III อยู่ที่ 15.3% โดยเป็นกองทุนชั้นที่ 1 (Tier 1) ในสัดส่วน 10.5 % ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทยที่กำหนดไว้ที่ 8.5% และ 6.0% ตามลำดับ
          นายบุญทักษ์ กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า “ในไตรมาสที่เหลือของปีธนาคารจะยังคงดำเนินงานอย่างระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม ธนาคารมีแผนจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาด เพื่อสร้างบริการที่มีคุณค่าให้กับลูกค้าและยังคงมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของการดำเนินงานเพื่อให้ธนาคารมีผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นที่ยั่งยืน”


ทีเอ็มบี ผนึกกำลัง 3 บลจ. ชั้นนำ พานักลงทุนไปลงทุนรอบโลก พร้อมรับโบนัสแห่งการลงทุนเป็นเงินคืนสูงสุด



      ทีเอ็มบี หรือ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมมือกับ บลจ.ทหารไทย บลจ.ยูโอบี และ บลจ.ซีไอเอ็มบี พรินซิเพิล ผนึกกำลังกันเปิดโอกาสให้นักลงทุนมีความสะดวกและเพิ่มตัวเลือกในการลงทุนที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ด้วยการออกโปรโมชั่นพิเศษสำหรับผู้ที่ลงทุนในกองทุนรวมคุณภาพของทั้ง 3 บลจ. ที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดีจำนวน 13 กองทุน โดยทุกๆ เงินลงทุน 100,000 บาท จะได้รับเงินคืน 100 บาท และเมื่อมีเงินลงทุนสะสมรวมตั้งแต่ 5 ล้านบาท เงินคืนที่ได้รับจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ซึ่งทุก 100,000 บาท ที่ลงทุน จะได้รับเงินคืน 200 บาท เข้าบัญชีเงินฝากไม่ประจำ ทีเอ็มบี ดอกเบี้ยสูง โดยคำนวณจากยอดเงินลงทุนสะสมตั้งแต่ 1 เมย.– 31 พ.ค. ศกนี้
     นางสาวกมลวรรณ  อิ่มฤทัยเจริญโชค เจ้าหน้าที่บริหารผลิตภัณฑ์การลงทุน ทีเอ็มบี เปิดเผยว่า “จากการร่วมมือกันระหว่าง ทีเอ็มบี บลจ.ทหารไทย บลจ.ยูโอบี และพันธมิตรใหม่อย่าง บลจ.ซีไอเอ็มบี พรินซิเพิล ที่เปิดให้นักลงทุนสามารถทำการซื้อขายกองทุนรวมผ่านทีเอ็มบีได้ ด้วยการเพิ่มทางเลือกในการลงทุนและอำนวยความสะดวกในการซื้อขายกองทุนผ่านสาขาของทีเอ็มบีกว่า 450 สาขาทั่วประเทศ เพื่อ Make THE Difference ทำให้ลูกค้ามีชีวิตทางการเงินที่ดียิ่งขึ้น สะดวกมากขึ้น และเพื่อเป็นการฉลองความร่วมมือที่ดีดังกล่าว ทีเอ็มบีจึงมอบโปรโมชั่นพิเศษให้เป็นโบนัสสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนกับทีเอ็มบี ในระหว่างวันที่ 1 เมษายน – 31 พฤษภาคม 2557 โดยได้คัดเลือกกองทุนที่น่าสนใจและมีคุณภาพ จำนวน 13 กองทุน มาจัดโปรโมชั่น โดยทุกๆ เงินลงทุน 100,000 บาท จะได้รับเงินคืน (Cash back) จำนวน 100 บาท และเมื่อเงินลงทุนสะสมรวมทั้งหมดตั้งแต่ 5 ล้านบาท ผู้ลงทุนจะได้รับเงินคืนเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า คือ 200 บาท ต่อเงินลงทุนสะสมทุกๆ 100,000 บาท รวมรับเงินคืนสูงสุดถึงท่านละ 100,000 บาท ซึ่งธนาคารจะโอนเงินคืนเข้าบัญชีเงินฝากไม่ประจำ ‘ทีเอ็มบี ดอกเบี้ยสูง’ (No Fixed) บัญชีเงินฝากที่ให้ดอกสูง ถอนและฝากเพิ่มเมื่อไรก็ได้ เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้า”  
     นางสาวกมลวรรณ  อิ่มฤทัยเจริญโชค กล่าวเพิ่มเติมว่า “กองทุนทั้ง 13 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดทหารไทย US500 Equity Index ที่ลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ,กองทุนเปิด ยูโร ไฮดิวิเดนด์ ที่เน้นลงทุนในหุ้นปันผลของตลาดหุ้นยุโรป, กองทุนเปิด ไทย แวลู โฟกัส อิควิตี้ ปันผล ที่เน้นลงทุนในหุ้นไทยที่มีพื้นฐานดี,กองทุนเปิดทหารไทย Global Bond Fund, กองทุนเปิดทหารไทย โกลบอล บอนด์ ปันผล, กลุ่มกองทุนเปิดทหารไทยจัดทัพลงทุน ระยะสั้น, ระยะกลาง, ระยะยาว เน้นลงทุนในตราสารแห่งทุน ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตราสารแห่งหนี้ และหรือเงินฝาก รวมทั้งหลักทรัพย์และทรัพย์สินอื่นทั้งในและต่างประเทศ, กองทุนเปิด เจแปน สมอล แอนด์ มิด แคป, กองทุนเปิด ไทย บาลานซ์ฟันด์          เน้นลงทุนในตราสารหนี้ 35% และหุ้น 65%, กองทุนเปิด ไทย มิกซ์ 15/85 ปันผล        เน้นลงทุนในตราสารหนี้ 85% และหุ้น 15%, กองทุน US High Yield Bond Fund*, กองทุนเปิดซีแพม โกลบอล สมอล แคป อิควิตี้*   โดยทุกกองทุนที่เลือกมานี้จะมีการลงทุนในหลักทรัพย์หลากหลายประเภทแตกต่างกันไป เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกลงทุนโดยสามารถกระจายความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพพอร์ตลงทุนของตัวเองด้วย” 
   ทั้งนี้ นักลงทุนที่สนใจสามารถติดต่อซื้อหน่วยลงทุนหรือและรับหนังสือชี้ชวนโครงการข้อผูกพันได้และสอบถามรายละเอียโปรโมชั่นเพิ่มเติมได้ที่ ทีเอ็มบี ทุกสาขาทั่วประเทศ