วันพุธที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2557

เปิดประสบการณ์เหนือระดับกับ 

TMB Wealth Banking





          ทีเอ็มบี หรือธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) จัดกิจกรรมมอบประสบการณ์เหนือระดับแก่ลูกค้า TMB Wealth Banking ด้วย “เอ็กซ์คลูซีฟช้อปปิ้ง” กับสีสันที่เป็นมงคล เสริมโชคชะตา พร้อมส่วนลดพิเศษสูงสุดถึง 50% ณ ช็อปลองฌอมป์ สยามพารากอน โดยภายในงานยังได้เชิญ หมอช้าง-ทศพร ศรีตุลา นักโหราศาสตร์ด้านฮวงจุ้ยชื่อดัง มาเผยเรื่องสีสันเสริมดวง สีสันที่เป็นมงคล
        นางสาวชมภูนุช ปฐมพร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจสาขา ทีเอ็มบี เผยว่า  “TMB Wealth Banking   มุ่งมั่นที่จะนำเสนอบริการที่เพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้า นอกเหนือจากการนำเสนอการวางแผนทางการบริหารการเงินอย่างครบวงจร ยังจัดกิจกรรมมอบสิทธิพิเศษเพื่อประโยชน์สูงสุดของลูกค้า โดยจัดให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าที่ชอบความบันเทิง กีฬา ท่องเที่ยว ความสวยความงามและสุขภาพ ฯลฯ เพื่อแทนคำขอบคุณที่ลูกค้าต่างไว้วางใจในบริการของธนาคาร”
          ภายในงาน หมอช้าง-ทศพร ศรีตุลา ยังได้เผยถึงสีสันเสริมดวงสำหรับการช้อปปิ้งสุดพิเศษว่า “การเลือกใช้สีที่ถูกต้องก็เหมือนกับการหันจานดาวเทียมได้ถูกทิศถูกทาง ช่วยเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นได้ จริงแล้วคนเราทุกคนใช้ได้ทุกสี บางคนอาจจะกังวลว่าสีนี้ไม่ถูกโฉลก แต่จริงๆ แล้วในหลักของดวง การเลือกสิ่งของมาอยู่ใกล้ตัว ควรเลือกความหลากหลายของสีสัน อย่างน้อยเราก็ได้เปลี่ยนบรรยากาศ และสร้างพลังใหม่ให้กับตัวเอง จากตำราโหราศาสตร์จีน ปีมะเมียปีนี้มาพร้อมกับพลังของธาตุไม้ และสีสันที่เสริมธาตุไม้ได้เป็นอย่างดี คือ สีสันของธาตุไฟ อาทิ สีส้ม สีแดง ม่วง ช่วยเสริมความก้าวหน้าได้ สำหรับครึ่งปีหลังของ ปี 2557 ดาวพฤหัสมีพลังมากที่สุด พวกสีเหลือง ครีม น้ำตาล เป็นสีตำแหน่งมหาอุจจ์ ที่ป้องกันสิ่งไม่ดีและเป็นสีที่มีพลังที่สุด “
          นัทธชา สุนทรวิเนตร์ ลูกสาวสุดสวยคนเก่งของ วิทวัส สุนทรวิเนตร์ พิธีกรรายการตีสิบ หนึ่งในลูกค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษจาก TMB Wealth Banking กล่าวถึงสไตล์การช้อปปิ้งว่า “ปอยมีเทคนิคในการคิดก่อนซื้อว่า จะใช้ได้จริงไหม ใส่ในโอกาสไหน เราต้องคิดไว้ก่อน ไม่ใช่เอาแต่ของที่ชอบอย่างเดียว โดยได้มีโอกาสเดินทางไปหลายประเทศ แต่ละประเทศก็จะมีสิ่งของที่ไม่ควรพลาดแตกต่างกัน ส่วนสวรรค์แห่งช้อปปิ้งของปอย จะนึกถึงประเทศออสเตรเลีย เพราะจะมีของที่มีคุณภาพ และของที่พิเศษเป็นเอกลักษณ์ค่ะ”



ทีเอ็มบี คว้าสุดยอดแคมเปญการตลาดแห่งปี

“MAT Award 2014” ของสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย



          
         ทีเอ็มบีปลี้มแคมเปญการตลาด D-Day มุ่งสร้างการรับรู้ของลูกค้าเกี่ยวกับการยกระดับสิทธิประโยชน์ลูกค้าทีเอ็มบี ไม่มีค่าธรรมเนียมข้ามเขตอีกต่อไป คว้ารางวัล GOLD Award จาก MAT Award 2014 ของสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย

ทีเอ็มบีปลี้มแคมเปญการตลาด D-Day 
มุ่งสร้างการรับรู้ของลูกค้าเกี่ยวกับการยกระดับสิทธิประโยชน์ลูก
ค้าทีเอ็มบี ไม่มีค่าธรรมเนียมข้ามเขตอีกต่อไป คว้ารางวัล GOLD 
Award จาก MAT Award 2014 
ของสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย
นายปพนธ์  มังคละธนะกุล (กลาง)
 ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเอสเอ็มอีและซัพพลายเชน ทีเอ็มบี 
เปิดเผยว่า “ธนาคารได้ส่งแคมเปญการตลาดทีเอ็มบี “D-
Day”  เข้าประกวด MAT Award 2014  
ครั้งที่ 7 
จัดโดยสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย สามารถคว้ารางวัลสุดยอด
แคมเปญการตลาด
แห่งปี  คือ GOLD Award 
หรือ จากแคมเปญ "ยกระดับสิทธิประโยชน์ ไม่มีค่าธรรมเนียมข้ามเข
ต 
อีกต่อไป” หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่าชุด”จรวด” ความสำเร็จครั้งนี้
มาจากความชัดเจนของแคมเปญการตลาดที่ถูกสื่อสารออกไป  
โดยเฉพาะในเรื่องของค่าธรรมเนียม  ซึ่งจากการสำรวจกับลูกค้า
พบว่าค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมเป็นสิ่งที่ลูกค้าต้อ
งการให้หมดไป  เป็นสิ่งที่ลูกค้าอึดอัด แต่ทำอะไรไม่ได้  
เมื่อทีเอ็มบีได้ประกาศยกระดับสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้าทุกประเภท  
โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมฝาก จ่าย ถอน โอน หรือฝากเช็ค ข้ามเ
ขตระหว่างบัญชีภายใน ทีเอ็มบีอีกต่อไป  
จึงตอบโจทย์ลูกค้าเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ธนาคารมีบัญชีใหม่เพิ่มขึ้
นจำนวนมาก ซึ่งรางวัลที่ได้รับ
ในครั้งนี้ถือเป็นความภูมิใจ  
แต่ที่น่ายินดีมากกว่าคือ สามารถมอบประสบการณ์ที่ดีในการทำธุรก
รรมให้กับลูกค้าได้อย่างแท้จริง”
ขอขอบคุณในความร่วมมือ 
สื่อสารและภาพลักษณ์องค์กร TMB
รายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 02 299 1950, 1953, 02 242 3260, 089 967 1411
* * * * * * * *
         นายปพนธ์  มังคละธนะกุล  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเอสเอ็มอีและซัพพลายเชน ทีเอ็มบี
เปิดเผยว่า “ธนาคารได้ส่งแคมเปญการตลาดทีเอ็มบี “D-Day”  เข้าประกวด MAT Award 2014
ครั้งที่ 7 จัดโดยสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย สามารถคว้ารางวัลสุดยอดแคมเปญการตลาดแห่งปี  คือ GOLD Award หรือ จากแคมเปญ "ยกระดับสิทธิประโยชน์ ไม่มีค่าธรรมเนียมข้ามเขตอีกต่อไป” หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่าชุด”จรวด”

         ความสำเร็จครั้งนี้มาจากความชัดเจนของแคมเปญการตลาดที่ถูกสื่อสารออกไป  โดยเฉพาะในเรื่องของค่าธรรมเนียม  ซึ่งจากการสำรวจกับลูกค้าพบว่าค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมเป็นสิ่งที่ลูกค้าต้อ
งการให้หมดไป  เป็นสิ่งที่ลูกค้าอึดอัด แต่ทำอะไรไม่ได้  เมื่อทีเอ็มบีได้ประกาศยกระดับสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้าทุกประเภท  โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมฝาก จ่าย ถอน โอน หรือฝากเช็ค ข้ามเขตระหว่างบัญชีภายใน ทีเอ็มบีอีกต่อไป  จึงตอบโจทย์ลูกค้าเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ธนาคารมีบัญชีใหม่เพิ่มขึ้นจำนวนมาก ซึ่งรางวัลที่ได้รับในครั้งนี้ถือเป็นความภูมิใจ  แต่ที่น่ายินดีมากกว่าคือ สามารถมอบประสบการณ์ที่ดีในการทำธุรกรรมให้กับลูกค้าได้อย่างแท้จริง”


ที่มา : (การเงินการธนาคารออนไลน์) http://www.moneyandbanking.co.th (28/04/2014 10:31)

วันพุธที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2557

    TMB Analytics ประเมิน หมดโอกาสจะได้เห็นดอกเบี้ยนโยบายขาขึ้นในปี 2557 นี้  เหตุเศรษฐกิจซบเซาจากพิษการ



        ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics ประเมิน หมดโอกาสจะได้เห็นดอกเบี้ยนโยบายขาขึ้นในปี 2557 นี้ เหตุเศรษฐกิจซบเซาจากพิษการเมือง แต่ในปีหน้าแนวโน้มสภาพคล่องตึงตัวมาแน่ หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ เตรียมเบรกนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย และเงินเฟ้อโลกที่กำลังจะกลับมาขาขึ้น
      ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. วันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการฯ มีมติอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 มาอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.00 ในปัจจุบัน หวังลดภาระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะรายเล็กหรือ SMEs เพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจไทยหลังจากได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนทางการเมืองซึ่งลากยาวมาครึ่งปีแล้ว ด้านธนาคารพาณิชย์ก็รับลูกโดยการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของลูกค้าชั้นดี หรือ MLR ลงมาตามลำดับ พร้อมๆ กับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก
   คำถามที่ตามมาก็คือ ในภาวะที่นโยบายการเงินส่งผ่านไปยังธนาคารพาณิชย์ได้ดีเช่นนี้ กนง.จะตัดสินใจลดดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมวันพุธที่ 23 เม.ย. หรือไม่ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบีมองว่ามีความเป็นไปได้ที่ กนง. จะเลือกลดดอกเบี้ยอีกภายในปีนี้เพื่อช่วยพยุงธุรกิจ หากทิศทางเศรษฐกิจชะลอลงเพิ่มเติม แต่ กนง. ยังไม่น่าจะตัดสินใจผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมในการประชุมครั้งนี้ เหตุผลเพราะว่า แม้การลดดอกเบี้ยจะช่วยลดภาระทางการเงิน แต่ปัญหาหลักของเศรษฐกิจไทยในตอนนี้นั้นไม่ใช่ต้นทุน แต่อยู่ที่รายได้จากการที่ผู้ประกอบการไม่สามารถขายของได้เหมือนเก่า และกำลังซื้อของผู้บริโภคก็ยังอ่อนแรง เห็นได้จากปัญหาการจ่ายเงินจำนำข้าวให้ชาวนา ซึ่งเป็นผลกระทบทางตรงของปัญหาการเมือง หรือความไม่มั่นใจในภาวะเศรษฐกิจของผู้บริโภคซึ่งเป็นผลทางอ้อม ซ้ำเติมปัญหารายได้เกษตรกรที่ถูกกดดันโดยราคาสินค้าเกษตรอยู่แล้ว
      ตัวเลขการขยายตัวของยอดสินเชื่อในไตรมาสแรกของปีนี้ ที่ธนาคารพาณิชย์ทยอยแถลงออกมา ก็ล้วนมีแนวโน้มทรงตัวจากไตรมาสก่อน สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการสินเชื่อใหม่ที่ยังอยู่ในระดับต่ำ สอดคล้องกับการชะลอการลงทุนของภาคธุรกิจซึ่งรอดูท่าทีของทิศทางการเมืองในประเทศ และบางส่วนก็มีการคาดการณ์ว่า หากมีรัฐบาลใหม่แล้วจะต้องมีการประกาศมาตรการทางการคลังเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ธุรกิจส่วนนี้ยังรอให้ถึงช่วงเวลาดังกล่าว
   กลับมาที่ประเด็นแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงที่เหลือของปี เดิมทีศูนย์วิจัยหลายแห่ง รวมทั้งศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบีเอง ได้ประเมินไว้ว่า เราอาจได้เห็นดอกเบี้ยนโยบายกลับมาเป็นขาขึ้นในช่วยปลายปี (ปรับเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 2.50-3.00 ตามการสำรวจของบลูมเบิร์กเมื่อ พ.ย. ปีก่อน) แต่ความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่อาจไม่ได้เห็นจนกระทั่งไตรมาสสี่ รวมถึงธุรกิจขนาดเล็กที่ยังต้องการการประคับประคอง ทำให้แนวโน้มดอกเบี้ยยังกลับมาเป็นขาขึ้นไม่ได้ ด้วย กนง. น่าจะตัดสินใจผ่อนคลายนโยบายการเงินไปอีกระยะหนึ่งภายหลังการเมืองมีสัญญาณคลี่คลาย คล้ายการดำเนินงานของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ที่เลือกคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับต่ำ  แม้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งสัญญาณฟื้นตัวต่อเนื่องก็ตาม
      อย่างไรก็ดี ในช่วงครึ่งหลังของปี 2558 จะมีหลายปัจจัยที่กดดันให้นโยบายการเงินของไทยเข้าสู่ภาวะปกติ (Normalization) จากที่ผ่อนคลายมาเป็นระยะเวลาพอสมควรในช่วงสองสามปีที่ผ่านมานี้ ไม่ว่าจะแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่จะเร่งตัวขึ้นตามวัฏจักรเศรษฐกิจโลก โมเมนตัมของการขยายตัวในประเทศกลุ่มพัฒนาแล้วที่จะแข็งแกร่งขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์ซับไพรม์ ส่งผลให้สภาวะสภาพคล่องทั่วโลกกลับสู่แนวโน้มตึงตัว ในสถานการณ์เช่นนี้ หาก กนง. ยังมีความจำเป็นต้องลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยอยู่ นอกจากจะสร้างความเสี่ยงที่อัตราเงินเฟ้อในประเทศอาจทะลุกรอบนโยบายแล้ว ยังมีความเป็นไปได้ที่เงินทุนข้ามชาติจะไหลออกจากไทย กระทบเสถียรภาพในตลาดการเงิน สร้างผลลบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของไทยอีกต่อหนึ่ง ... ก็ได้แต่หวังว่าเวลานั้นจะไม่มาถึง <

ที่มา : (การเงินการธนาคารออนไลน์) http://www.moneyandbanking.co.th (21/04/2014 15:40)

ปิดบัญชี ME by TMB ที่ให้ดอกเบี้ยสูงได้แล้วทั่วประเทศ สะดวก รวดเร็ว โดยไม่ต้องมาสาขา



             
           ME by TMB Self-Service Banking ที่ให้คุณได้มากกว่า   นำโดย   นางสาวรัชดา เสริมศิลปกุล ผู้อำนวยการการตลาดและการขาย ME by TMB (ที่ 2 จากซ้าย) เพิ่มความสะดวกในการสมัครเปิดบัญชี กับ ME by TMB เพื่อรับดอกเบี้ยสูงได้ง่ายขึ้น จบขั้นตอนการสมัครอย่างสมบูรณ์ผ่านช่องทาง www.mebytmb.com เพียงใช้ข้อมูลผู้ใช้งานและรหัสผ่านของ TMB Internet Banking (TMB Direct) โดยไม่ต้องเดินทางมาสาขาของ ME Place เพื่อยืนยันตน โดยบริการดังกล่าวจะเพิ่มความสะดวกสบายและประหยัดเวลาให้แก่ลูกค้าทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดมากยิ่งขึ้นสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ME Call Center 0-2502-0000



วันพฤหัสบดีที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2557

         

ทีเอ็มบีมีกำไรไตรมาส 1 จำนวน 1,602 ล้านบาท



         
         ทีเอ็มบี หรือ ธนาคารทหารไทย จากัด (มหาชน) ประกาศผลประกอบการงวดไตรมาสที่ 1 ปี 2557 ในวันนี้ โดยธนาคารและบริษัทย่อยมีผลกำไรจากการดำเนินงานหลักก่อนสำรองจำนวน 3,159 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,602 ล้านบาท ลดลง 12% จากไตรมาส 1 ของปีที่แล้ว ขณะที่สัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL Ratio) ลดลงเล็กน้อยจาก 3.87% เหลือ 3.85% และสัดส่วนสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ยังคงแข็งแกร่งที่ 138%
      ในไตรมาส 1 นี้ ธนาคารดำเนินงานด้วยความรอบคอบระมัดระวังในสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน โดยเฉพาะการขยายสินเชื่อเป็นไปด้วยความระมัดระวังมากขึ้น ทำให้สินเชื่อขยายตัวเพียงเล็กน้อยในไตรมาสนี้เพียง 1,200 ล้านบาทหรือ 0.3% จากสิ้นเดือนธันวาคม 2556 ในขณะที่ปริมาณเงินฝากยังคงเพิ่มขึ้นได้ดีประมาณ 29,000 ล้านบาทหรือ 5.5% โดยเป็นเงินฝากที่เพิ่มจากทั้งลูกค้าเงินฝากรายย่อยในผลิตภัณฑ์เงินฝากที่มีผลตอบแทนดี เช่น เงินฝากไม่ประจำ (No Fixed) และบัญชีเงินฝากใน ME การธนาคารรูปแบบใหม่ รวมทั้งเงินฝากเพื่อธุรกรรมทางการเงิน (Transactional Banking Account) ซึ่งธนาคารให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ จากการเติบโตของสินเชื่อที่น้อยและเมื่อประกอบการลดดอกเบี้ยในตลาด ทำให้ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ย (Net Interest Margin) ลดลงเป็น 2.87% จาก 2.95% จากไตรมาส 1 ปีที่แล้ว แต่รายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิ (Net Interest Income) ยังเพิ่มขึ้น 6%
         รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในไตรมาสนี้ลดลง 10% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปีที่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการลดลงของค่าธรรมเนียมจากการขายกองทุนเนื่องจากภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวยและการลดลงของค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับสินเชื่อเนื่องจากธนาคารชะลอการปล่อยสินเชื่อแก่ลูกค้าใหม่ ในขณะที่ค่าธรรมเนียมธุรกรรมต่างประเทศ (Trade Finance) ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย ส่งผลให้รายได้รวมจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียง 1% ขณะที่ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการปรับเพิ่มขึ้นตามปกติของค่าใช้จ่ายพนักงาน ค่าใช้จ่ายอาคารสาขา และค่าใช้จ่ายการตลาด ทำให้กำไรของธนาคารในไตรมาสนี้ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปีที่แล้ว
         นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบี กล่าวว่า “ในปี 2557 นี้ธนาคารให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างมีคุณภาพและความมั่นคงของธนาคารเป็นหลัก โดยยังคงมุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าเงินฝากธุรกรรมทางการเงินอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามธนาคารได้ปรับเป้าหมายของการขยายสินเชื่อลงเหลือประมาณ 6-8% และพยายามรักษาคุณภาพสินทรัพย์ให้อยู่ในระดับดี โดยในไตรมาสนี้ แม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจถูกรุมเร้าด้วยปัจจัยลบต่างๆ แต่สัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL Ratio) ของธนาคารและบริษัทย่อยคงที่ในระดับ 3.85% นอกจากนี้ธนาคารยังได้คงสัดส่วนสำรองฯต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ในระดับสูงที่ 138%
         ธนาคารยังคงดำรงสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีระดับความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR) ภายใต้เกณฑ์ Basel III อยู่ที่ 15.3% โดยเป็นกองทุนชั้นที่ 1 (Tier 1) ในสัดส่วน 10.5 % ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทยที่กำหนดไว้ที่ 8.5% และ 6.0% ตามลำดับ
          นายบุญทักษ์ กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า “ในไตรมาสที่เหลือของปีธนาคารจะยังคงดำเนินงานอย่างระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม ธนาคารมีแผนจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาด เพื่อสร้างบริการที่มีคุณค่าให้กับลูกค้าและยังคงมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของการดำเนินงานเพื่อให้ธนาคารมีผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นที่ยั่งยืน”


ทีเอ็มบี ผนึกกำลัง 3 บลจ. ชั้นนำ พานักลงทุนไปลงทุนรอบโลก พร้อมรับโบนัสแห่งการลงทุนเป็นเงินคืนสูงสุด



      ทีเอ็มบี หรือ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมมือกับ บลจ.ทหารไทย บลจ.ยูโอบี และ บลจ.ซีไอเอ็มบี พรินซิเพิล ผนึกกำลังกันเปิดโอกาสให้นักลงทุนมีความสะดวกและเพิ่มตัวเลือกในการลงทุนที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ด้วยการออกโปรโมชั่นพิเศษสำหรับผู้ที่ลงทุนในกองทุนรวมคุณภาพของทั้ง 3 บลจ. ที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดีจำนวน 13 กองทุน โดยทุกๆ เงินลงทุน 100,000 บาท จะได้รับเงินคืน 100 บาท และเมื่อมีเงินลงทุนสะสมรวมตั้งแต่ 5 ล้านบาท เงินคืนที่ได้รับจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ซึ่งทุก 100,000 บาท ที่ลงทุน จะได้รับเงินคืน 200 บาท เข้าบัญชีเงินฝากไม่ประจำ ทีเอ็มบี ดอกเบี้ยสูง โดยคำนวณจากยอดเงินลงทุนสะสมตั้งแต่ 1 เมย.– 31 พ.ค. ศกนี้
     นางสาวกมลวรรณ  อิ่มฤทัยเจริญโชค เจ้าหน้าที่บริหารผลิตภัณฑ์การลงทุน ทีเอ็มบี เปิดเผยว่า “จากการร่วมมือกันระหว่าง ทีเอ็มบี บลจ.ทหารไทย บลจ.ยูโอบี และพันธมิตรใหม่อย่าง บลจ.ซีไอเอ็มบี พรินซิเพิล ที่เปิดให้นักลงทุนสามารถทำการซื้อขายกองทุนรวมผ่านทีเอ็มบีได้ ด้วยการเพิ่มทางเลือกในการลงทุนและอำนวยความสะดวกในการซื้อขายกองทุนผ่านสาขาของทีเอ็มบีกว่า 450 สาขาทั่วประเทศ เพื่อ Make THE Difference ทำให้ลูกค้ามีชีวิตทางการเงินที่ดียิ่งขึ้น สะดวกมากขึ้น และเพื่อเป็นการฉลองความร่วมมือที่ดีดังกล่าว ทีเอ็มบีจึงมอบโปรโมชั่นพิเศษให้เป็นโบนัสสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนกับทีเอ็มบี ในระหว่างวันที่ 1 เมษายน – 31 พฤษภาคม 2557 โดยได้คัดเลือกกองทุนที่น่าสนใจและมีคุณภาพ จำนวน 13 กองทุน มาจัดโปรโมชั่น โดยทุกๆ เงินลงทุน 100,000 บาท จะได้รับเงินคืน (Cash back) จำนวน 100 บาท และเมื่อเงินลงทุนสะสมรวมทั้งหมดตั้งแต่ 5 ล้านบาท ผู้ลงทุนจะได้รับเงินคืนเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า คือ 200 บาท ต่อเงินลงทุนสะสมทุกๆ 100,000 บาท รวมรับเงินคืนสูงสุดถึงท่านละ 100,000 บาท ซึ่งธนาคารจะโอนเงินคืนเข้าบัญชีเงินฝากไม่ประจำ ‘ทีเอ็มบี ดอกเบี้ยสูง’ (No Fixed) บัญชีเงินฝากที่ให้ดอกสูง ถอนและฝากเพิ่มเมื่อไรก็ได้ เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้า”  
     นางสาวกมลวรรณ  อิ่มฤทัยเจริญโชค กล่าวเพิ่มเติมว่า “กองทุนทั้ง 13 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดทหารไทย US500 Equity Index ที่ลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ,กองทุนเปิด ยูโร ไฮดิวิเดนด์ ที่เน้นลงทุนในหุ้นปันผลของตลาดหุ้นยุโรป, กองทุนเปิด ไทย แวลู โฟกัส อิควิตี้ ปันผล ที่เน้นลงทุนในหุ้นไทยที่มีพื้นฐานดี,กองทุนเปิดทหารไทย Global Bond Fund, กองทุนเปิดทหารไทย โกลบอล บอนด์ ปันผล, กลุ่มกองทุนเปิดทหารไทยจัดทัพลงทุน ระยะสั้น, ระยะกลาง, ระยะยาว เน้นลงทุนในตราสารแห่งทุน ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตราสารแห่งหนี้ และหรือเงินฝาก รวมทั้งหลักทรัพย์และทรัพย์สินอื่นทั้งในและต่างประเทศ, กองทุนเปิด เจแปน สมอล แอนด์ มิด แคป, กองทุนเปิด ไทย บาลานซ์ฟันด์          เน้นลงทุนในตราสารหนี้ 35% และหุ้น 65%, กองทุนเปิด ไทย มิกซ์ 15/85 ปันผล        เน้นลงทุนในตราสารหนี้ 85% และหุ้น 15%, กองทุน US High Yield Bond Fund*, กองทุนเปิดซีแพม โกลบอล สมอล แคป อิควิตี้*   โดยทุกกองทุนที่เลือกมานี้จะมีการลงทุนในหลักทรัพย์หลากหลายประเภทแตกต่างกันไป เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกลงทุนโดยสามารถกระจายความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพพอร์ตลงทุนของตัวเองด้วย” 
   ทั้งนี้ นักลงทุนที่สนใจสามารถติดต่อซื้อหน่วยลงทุนหรือและรับหนังสือชี้ชวนโครงการข้อผูกพันได้และสอบถามรายละเอียโปรโมชั่นเพิ่มเติมได้ที่ ทีเอ็มบี ทุกสาขาทั่วประเทศ

วันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2557


แบงก์ตุนเงินสดรับ "เทศกาลวันสงกรานต์" คาดสะพัดกว่า 1 แสนล้าน


ประเพณี สงกรานต์ ของไทย


     แบงก์สำรองเงินสดให้ลูกค้ากดใช้ช่วงเทศกาลวันสงกรานต์กว่า 2 แสนล้านบาท เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 24% ผ่านเอทีเอ็มทั่วประเทศรวมถึงเครือข่ายสาขาในห้าง ด้านหอการค้าไทย คาดเงินสะพัด 1 แสนล้านบาท ส่วน ศูนย์ วิจัยกสิกรไทย สำรวจคนกรุง ใช้เงิน 2.3 หมื่นล้าน 

     ธนาคารกรุงไทย ระบุว่า ธนาคารได้เตรียมสำรองเงินสดไว้รองรับการใช้จ่ายของ ลูกค้าระหว่าง วันที่ 26 ธ.ค.2556-2 ม.ค.2557 ทั้งสิ้น 71,330 ล้านบาท เทียบกับช่วงปีที่ผ่านมาที่สำรองเงินสดไว้ 57,600 ล้านบาท คิด เพิ่มขึ้น 23.84% ผ่านเครื่องเอทีเอ็มและสาขาในห้างของธนาคารที่เปิดให้บริการ 

     ขณะที่ธนาคารไทยพาณิชย์ รายงานว่า ธนาคารได้เตรียมเงินสดไว้ให้ลูกค้าเบิกจ่ายในช่วงปีใหม่รวมแล้ว 52,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.2% จากปีก่อนที่เตรียมไว้ 48,500 ล้านบาท แบ่งช่องทางสาขา 12,500 ล้านบาทและช่องทางเอทีเอ็ม 39,500 ล้านบาทจากเอทีเอ็มที่มีอยู่ 9,091 เครื่อง อย่างไรก็ตามถือเป็นการสำรองเงินด้วยอัตราที่ต่ำกว่าการเติบโตของปีก่อนๆ เนื่องจากแนวโน้ม อัตราเพิ่มของการถอนเงินเริ่มลดน้อยเมื่อเทียบกับการเพิ่มของปีที่แล้วประกอบกับในปีที่ผ่านมามีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทด้วย 

     ด้าน ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) แจ้งว่า ช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ ระหว่างวันที่ 28 ธ.ค.2556 จนถึง 1 ม.ค.2557 นั้น ทางธนาคารได้ดำเนินการสำรองเงินสดประมาณ 50,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่สำรองประมาณ 40,000 ล้านบาท ผ่านช่อง ทางบริการเอทีเอ็มที่มีกว่า 8,300 จุดทั่วประเทศ รวมถึงสาขาไมโคร ที่เปิดให้บริการ ภายในห้างสรรพสินค้า และจุดชุมชน กว่า 200 แห่งทั่วประเทศได้ตามปกติ 

     ส่วนธนาคารกรุงศรีอยุธยาได้สำรองเงินสด เพื่อรองรับการเบิกถอนเงินของลูกค้า และประชาชนผ่านเครื่องกรุงศรี เอทีเอ็ม และสาขาของธนาคารทั่วประเทศ ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ รวม 8,252 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินสดสำรองสำหรับบริการผ่านเครื่องกรุงศรี เอทีเอ็ม จำนวน 6,025 ล้านบาท และผ่านสาขาของ ธนาคารจำนวน 2,227 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2556 ประมาณ 1,351 ล้านบาท ตาม จำนวนสาขาและเครื่องกรุงศรี เอทีเอ็ม ที่เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันธนาคารมีสาขาจำนวน 608 สาขา และเครื่องกรุงศรี เอทีเอ็ม จำนวน 4,569 เครื่องทั่วประเทศ 

     ธนาคารกสิกรไทยเตรียมสำรองเงินสด สำหรับให้บริการในสาขาและเครื่องเอทีเอ็ม เพื่อรองรับการใช้จ่ายในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ ระหว่างวันที่ 28 ธ.ค. 2556-1 ม.ค.2557 จำนวน 46,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาราว 6,000 ล้านบาท 

     ธนาคารทหารไทยได้สำรองเงินสดปีใหม่นี้ 8,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาโดยแบ่งเป็นสำรองในเงินตู้เอทีเอ็มทั่วประเทศ 4,000 ล้านบาท และสำรองเงินที่สาขาทั่วประเทศ 4,000 ล้านบาท 
     
     ธนาคารซีไอเอ็มบีไทยก็เตรียมสำรองเงินสดช่วงปีใหม่ 2,400 ล้านบาท เป็นการสำรองใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 800 ล้านบาท และผ่านเครื่องเอทีเอ็ม 1,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 23.08% เนื่องจากปีใหม่ปีนี้วันหยุดยาวมากกว่าปีที่แล้ว 

     โดยเฉลี่ยธนาคารเตรียมสำรองเงินสด กว่า 2 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 24% เมื่อเทียบปีก่อน รองรับลูกค้าใช้จ่ายช่วงเทศกาลปีใหม่ 

     ด้านผลสำรวจของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยพบว่า ประชาชนจะจับจ่ายใช้สอยถึง 105,827 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.6% เมื่อเทียบกับปี 2554 ที่มีการใช้จ่าย 91,520 ล้านบาท แบ่งเป็นการใช้จ่ายเลี้ยงสังสรรค์ 7,341 ล้านบาท ทำบุญ 8,696 ล้านบาท ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค 11,069 ล้านบาท ซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย 672 ล้านบาท ซื้อสินค้าคงทน 1,291 ล้านบาท ท่องเที่ยวในประเทศ 49,286 ล้านบาท และท่องเที่ยวต่างประเทศ 27,468 ล้านบาท แต่เมื่อคิดเป็นการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนที่ 9,153 บาท ถือว่าแตะระดับ 1 แสนล้านบาท ในรอบ 7 ปี นับตั้งแต่ปี 2550 

     ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า เม็ดเงินค่าใช้จ่ายในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2557 ของคนกรุงเทพฯ จะมีเม็ดเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 23,100 ล้านบาท ขยายตัว 8.5% เมื่อเทียบ กับปีที่ผ่านมา โดยแยกเป็นค่าใช้จ่ายด้านอาหารและเครื่องดื่ม 6,500 ล้านบาท รอง ลงมาคือ การให้เงินพ่อแม่พี่น้อง 5,200 ล้าน บาท ท่องเที่ยว 4,500 ล้านบาท ซื้อของขวัญ ของฝาก 4,100 ล้านบาท ทำบุญ 2,700 ล้าน บาท และค่าใช้จ่ายอื่นๆ 100 ล้านบาท

ที่มา :  สยามธุรกิจ (http://www.siamturakij.com) /วันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 23.07 น.


  • TMB ชวน SME ถอนพิษศก.เพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการรวมทั้งซัพพลาย



  •             นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย (TMB) กล่าว ในงานมอบประกาศนียบัตรฉลองความสำเร็จของโครงการ TMB Efficiency Improvement for Supply Chain รุ่นที่ 1 ว่า จากดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการขนาดย่อม (TMB – SME Sentiment Index) พบว่า ความเชื่อมั่นผู้ประกอบการขนาดย่อมในกรุงเทพฯ ได้มีการลดลงอย่างมีนัยยะ โดยลดลงจาก 42.6% ณ ไตรมาส 4/2556 เป็น 35.9% ณ ไตรมาส 1/2557 โดยผู้ประกอบการมีมุมมองว่า รายได้ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ไม่เพิ่มจากปัจจุบัน และต้นทุนจะสูงขึ้น ด้วยสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ทำให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะเอสเอ็มอีจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อทำให้ต้นทุนของตัวเองลดลง และเน้นเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจตลอดซัพพลายเชน ก็จะเป็นแนวทางที่ทำให้เอสเอ็มอีอยู่รอดและแข็งแกร่งขึ้นในระยะยาว
    ทีเอ็มบีในฐานะผู้ให้บริการทางการเงินได้นำหลักการที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ อย่าง Lean Six Sigma มาใช้อย่างเต็มรูปแบบทั้งองค์กรตั้งแต่ปี 2553 ทำให้สามารถให้บริการที่ดีขึ้นแก่ลูกค้า ขณะที่ต้นทุนลดลง
    "ทีเอ็มบีเล็งเห็นถึงความสำคัญของการเพิ่มประสิทธิภาพ โดยนอกจากการเพิ่มประสิทธิภาพของแต่ละบริษัทแล้ว การเพิ่มประสิทธิภาพตลอดซัพพลายเชน โดยการทำงานร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการในกลุ่มธุรกิจต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำนั้น จะส่งผลให้การเพิ่มประสิทธิภาพได้ผลมากกว่าการเพิ่มประสิทธิภาพที่ทำกันเองภายในแต่ละบริษัทมาก ซึ่งแต่ละบริษัทควรต้องคำนึงอยู่เสมอว่าทำอย่างไรเพื่อช่วยให้คู่ค้าของคุณประสบความสำเร็จ เพราะความสำเร็จของคู่ค้าทั้งซัพพลายเชน ก็คือความสำเร็จของบริษัทคุณนั่นเอง"นายบุญทักษ์ กล่าว
    ทีเอ็มบีได้ริเริ่มโครงการ TMB Efficiency Improvement for Supply Chain เมื่อปลายปี 2556 โดยจะเน้นการเรียนรู้จริง นำไปใช้ได้จริง เชื่อมโยงการพัฒนาแบบซัพพลายเชน และสร้างความสัมพันธ์ในเครือข่ายธุรกิจเดียวกัน ต่อยอดด้วยกิจกรรมเสริมความรู้และการให้คำปรึกษา สำหรับโครงการรุ่นที่ 1 ที่เพิ่งปิดการอบรมไป ได้รับฟีดแบ็คจากผู้เข้าอบรมที่ดีมาก โดยเฉพาะความรู้และเนื้อหาจากการอบรมที่สามารถนำไปใช้ปรับปรุงประสิทธิภาพทั้งซัพพลายเชนได้จริง
    นายนิรันดร์ แสงสุขเอี่ยม กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท ศิริคุณ ซีฟู้ด หนึ่งในผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ กล่าวว่า สิ่งที่ได้จากการเรียน สามารถนำไปใช้ได้จริงๆ ทุกครั้งที่มาอบรม พอกลับไปพนักงานที่บริษัทจะมีงานทำเพิ่มตลอดเวลา ผมจะเอาเรื่องที่เรียนไปลองใช้กับที่บริษัทจริงๆ ผลลัพธ์ที่ออกมาจับต้องได้ และคิดว่ายังต้องทำต่อไปเพราะว่าการเพิ่มประสิทธิภาพคงสามารถพัฒนาได้อีกหลายส่วน อย่างในส่วนของซัพพลายเชนเองเราก็มีการรวมกลุ่มกับชาวประมงเพื่อพูดคุยถึง spec สินค้าที่ต้องการ แล้วตั้งกลุ่มสื่อสารและช่วยเหลือกัน ทำให้สื่อสารได้รวดเร็ว พร้อมได้วัตถุดิบตามที่ต้องการ ผลที่ออกมาก็คือ win-win กันทุกฝ่าย
    นายกุลวัชร ภูริชยวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดิ ออริจินัล ฟาร์ม จำกัด ผู้เข้าร่วมโครงการอีกรายหนึ่งให้ข้อคิดว่า การเพิ่มประสิทธิภาพของซัพพลายเชนมีความสำคัญมาก เราได้มีการพูดคุยกับซัพพลายเออร์มากขึ้น เพื่อจัดทำแผนสั่งซื้อระยะยาว เราจะมีการอัพเดทกันทุกเดือน มีการประมาณการจากฝั่งโอเปอเรชั่นที่ดูยอดขาย ซึ่งจะทำให้ลดความผกผันของราคาได้มากขึ้น เราจึงเห็นราคาได้ในระยะยาวพอสมควร
    "ในโอกาสการจบหลักสูตรและมอบประกาศนียบัตรให้กับผู้เข้าร่วมโครงการรุ่นที่ 1 สำหรับอุตสาหกรรมอาหาร ขณะนี้ทีมเอ็มบีได้เปิดรับสมัคร TMB  Efficiency Improvement for Supply Chain  รุ่นที่ 2 สำหรับอุตสาหกรรมอาหารจำนวน 100 บริษัท ซึ่งมีผู้ให้ความสนใจส่งใบสมัครกว่า 200 ราย ผู้สนใจสามารถสมัครได้จนถึงวันที่ 28 มีนาคมนี้ นอกจากนี้ธนาคารยังมีแผนที่จะขยายโครงการไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ ในอนาคตอย่างต่อเนื่อง โดยในครึ่งปีหลัง 2557 นี้จะเปิดรับอีก 3  รุ่น รวมเป็น 5  รุ่น เพื่อสร้างซัพพลายเชนคอมมูนิตี้ของประเทศ"บุญทักษ์ กล่าว
  • ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 24 มีนาคม 2557 

วันอังคารที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2557



มารู้จักกับ ME การทำธุรกรรมในรูปแบบใหม่






รู้จักกับ ME

           ME คือ Self Service Banking เพื่อให้คุณไ้ด้มากกว่า ด้วยการทำธุรกรรมทางการเงินด้วยตนเอง เพื่อรับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นทุกวันนี้ พฤติกรรมคนไทยได้เปลี่ยนไป มีความยินดีที่จะทำอะไรด้วยตัวเอง เพื่อผลตอบแทนที่มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการทำอาหารเองเพื่อให้ได้รสชาติที่ถูกใจและปริมาณที่มากกว่า หรือการเลือกซื้อของแต่งบ้าน หากต้องประกอบเอง ขนกลับบ้านเอง ก็ยินดีทำเพื่อให้ได้ของที่มีราคาถูกกว่าและรูปแบบที่สวยกว่า หรือแม้แต่การจองที่พัก ซื้อตั๋วเครื่องบินทางอินเทอร์ เน็ต เพื่อให้ได้ราคาที่ถูกกว่า มีก็แต่เรื่องการธนาคาร ที่ถึงแม้คุณทำธุรกรรมด้วยตัวเองผ่านทางอินเทอร์เน็ต แต่ทำไมจึงได้ผลตอบแทนเท่ากับที่ไปใช้บริการที่สาขา

          ME เล็งเห็นความต้องการของคุณ จึงได้คิดค้นการธนาคารรูปแบบใหม่ ที่เมื่อคุณทำธุรกรรมทางการเงินด้วยตัวเอง ย่อมได้ผลตอบแทนที่มากกว่า โดยการ   เปิดตัวของ ME เราขอนำเสนอผลิตภัณฑ์อันดับแรก คือ "ME ฝากไม่ประจำ" ซึ่งให้ดอกเบี้ยสูงกว่า เพียงคุณกรอกใบสมัครเองเพื่อขอเปิดบัญชีทางอินเทอร์ เน็ตที่ไหน เวลาใดก็ได้ และไปที่สาขาเพียงเพื่อยืนยันตัวตน ก็เป็นการเปิดบัญชีที่สมบูรณ์ หลังจากนั้นคุณก็สามารถสั่งทำธุรกรรมทั่วๆ  ไปด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องไปที่สาขาเท่านั้น สะดวก ประหยัดเวลา ประหยัดน้ำมันในการเดินทาง แถมยังได้ดอกเบี้ยสูงกว่า

         ME ไม่มี สมุดบัญชี และ ATM 
เพราะด้วย concept ของ ME และรูปแบบผลิตภัณฑ์  ME ฝากไม่ประจำ เราให้ดอกเบี้ยสูง ดังนั้นลูกค้าน่าจะมีบัญชีนี้ไว้เพื่อออมเงิน ไม่ได้มีไว้สำหรับค่าใช้ จ่ายทั่วไป จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมี ATM ส่วนการดูยอดเงิน หรือรายการเดินบัญชี ลูกค้าก็สามารถดูได้ผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งทุกรายการจะมีการ updateแบบ real time ซึ่งลูกค้าไม่จำเป็นต้องไปที่สาขาเพื่อ update ข้อมูลเหมือนการใช้สมุดบัญชีแบบเดิมๆ (เพิ่มเติ่ม)

ที่มา : https://www.tmbbank.com